วิธีเลือกครีมกันแดด รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนซื้อกันแดด ฉบับเข้าใจง่าย

โดย Admin_ChoiceChecker02 03/04/2025

ทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับครีมกันแดด แบบเข้าใจง่าย!

มาทำความเข้าใจเรื่องครีมกันแดดกันแบบง่ายๆ กันดีกว่า ครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญมากในการปกป้องผิวของเราจากรังสี UV ที่แสบร้อน ซึ่งถ้าเราไม่ป้องกัน ก็จะทำให้ผิวเสื่อมเร็ว เกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังได้ด้วยนะ!

ค่าสำคัญที่ต้องรู้

ค่า SPF คืออะไร?

SPF คือค่าที่บอกประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVB ซึ่งเป็นรังสีที่ทำให้ผิวไหม้แดดและผิวคล้ำ

  • SPF 50 = ป้องกันได้ 98% ของรังสี UVB
  • SPF 50+ = ป้องกันได้มากกว่า 98%

ส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์จะมีค่า SPF 50 หรือ 50+ อยู่แล้ว แต่อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะเราต้องดูค่า PA ด้วยนะ!

ค่า PA คืออะไร?

PA บอกประสิทธิภาพการป้องกันรังสี UVA ซึ่งเป็นรังสีที่แทรกซึมลึกลงไปในผิวหนัง ทำให้เกิดริ้วรอย ฝ้า และความหมองคล้ำ

  • PA+ = PPD 2-4 (ป้องกันรังสี UVA ได้ 2-4 เท่า)
  • PA++ = PPD 4-8 (ป้องกันรังสี UVA ได้ 4-8 เท่า)
  • PA+++ = PPD 8-16 (ป้องกันรังสี UVA ได้ 8-16 เท่า)
  • PA++++ = PPD 16+ (ป้องกันรังสี UVA ได้มากกว่า 16 เท่า)

คือยิ่งมีเครื่องหมาย + เยอะ ก็ยิ่งปกป้องได้ดี! เช่น ถ้าครีมกันแดดมีค่า PPD เท่ากับ 10 แสดงว่าครีมนั้นช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้นานกว่าผิวที่ไม่ได้ทาครีมถึง 10 เท่า และจะติดฉลาก PA+++ บนผลิตภัณฑ์

เจาะลึกเรื่องค่า PPD ในครีมกันแดด

ค่า PPD (Persistent Pigment Darkening) เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ! มาทำความเข้าใจกันให้ลึกซึ้งกว่าเดิมนะคะ

PPD คืออะไรกันแน่?

PPD เป็นการวัดประสิทธิภาพของครีมกันแดดในการปกป้องผิวจากรังสี UVA โดยเฉพาะ ซึ่งต่างจากค่า SPF ที่วัดการป้องกันรังสี UVB เป็นหลัก

การทดสอบค่า PPD ทำโดยการฉายรังสี UVA บนผิวที่ทาครีมกันแดด แล้ววัดว่าผิวเกิดการคล้ำช้าแบบถาวร (Persistent Pigment Darkening) มากน้อยแค่ไหน เมื่อเทียบกับผิวที่ไม่ได้ทาครีมกันแดด

ทำไมค่า PPD ถึงสำคัญมาก?

รังสี UVA เป็นรังสีที่อันตรายมากๆ เพราะ:

  • ทะลุผ่านกระจกและเมฆได้ (ต่างจาก UVB)
  • แทรกซึมลึกลงไปถึงชั้นหนังแท้ (Dermis)
  • ทำให้เกิดริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย และความเสื่อมของผิวในระยะยาว
  • เป็นสาเหตุหลักของฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนัง

 

วิธีเลือกครีมกันแดด


เลือกครีมกันแดดยังไงให้เหมาะกับกิจกรรม?

กิจกรรมในร่ม (Indoor)

ถ้าอยู่แต่ในบ้าน ไม่ค่อยโดนแดด และไม่โดนหน้าต่าง สามารถใช้แบบเบาบาง ไม่เหนียวเหนอะหนะได้

กิจกรรมกลางแจ้ง (Outdoor)

ถ้าต้องเจอแดดจัด หรืออยู่กลางแจ้งนานๆ ต้องใช้แบบที่กันน้ำ กันเหงื่อได้ดี เกาะผิวแน่น SPF PPD สูงๆ และควรทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงจะดีมากๆ

เนื้อสัมผัสก็สำคัญ

  • ควรเลือกเนื้อสัมผัสที่เหมาะกับผิวของเรา
  • ถ้ามีผิวมัน ควรเลือกเนื้อแบบเบา ไม่เหนอะหนะเกินไป เพราะอาจจะทำให้เราไม่อยากหยิบมาทาหรือไม่สบายผิว

ราคาไม่ใช่ทุกอย่าง

  • เลือกกันแดดที่เหมาะกับงบประมาณ
  • ไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป แต่ต้องดูว่าใช้แล้วรู้สึกสบายผิว
  • ผิวต้องไม่แพ้และเนื้อผลิตภัณฑ์เข้ากับผิวเราได้ดี

ปริมาณการใช้ที่ถูกต้อง

  • ควรใช้ประมาณ 1/4 ช้อนชา หรือประมาณ 2 นิ้วโป้งสำหรับใบหน้า
  • อย่าลืมทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง โดยเฉพาะเมื่ออยู่กลางแจ้ง
  • หลังว่ายน้ำหรือเหงื่อออกมาก ควรทาใหม่ทันที

การทำความสะอาดผิวก็สำคัญมาก

  • ควรล้างหน้าให้สะอาด ป้องกันผิวอุดตันและเป็นสิว
  • ควรดับเบิ้ลคลีน หรือเลือกโฟมล้างหน้าที่ทำความสะอาดล้ำลึก (แบบที่เอาเมคอัพออกได้ด้วย)

อย่าลืม! แม้อยู่ในบ้านก็ต้องทากันแดด

  • รังสี UV สามารถทะลุผ่านกระจกบ้านได้ ยิ่งนั่งใกล้หน้าต่าง ยิ่งต้องทากันแดด

วิธีใช้ครีมกันแดดอย่างถูกต้อง

การใช้ครีมกันแดดที่ดีที่สุด คือ ต้องหยิบมาทา และแนะนำว่าทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง โดยเฉพาะเมื่ออยู่กลางแจ้ง

วิธีปกป้องผิวจากแดดที่ดีที่สุด คือ ใช้ครีมกันแดด + สวมหมวก + ใส่เสื้อคลุมปกปิดผิว

เป็นไงบ้างคะ? หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจเรื่องครีมกันแดดมากขึ้นนะคะ! การเลือกครีมกันแดดที่ใช่ และทาอย่างถูกวิธี จะช่วยปกป้องผิวของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวแข็งแรง อ่อนเยาว์ และสุขภาพดีในระยะยาวค่ะ


บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น